
1. ความหมายของ OCR
OCR (Optical Character Recognition) หรือการรู้จำตัวอักษรจากภาพ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการแปลงข้อความที่อยู่ในรูปแบบของภาพ เช่น เอกสารที่สแกน, รูปถ่าย, หรือไฟล์ PDF ให้กลายเป็นข้อความดิจิทัลที่สามารถแก้ไขและค้นหาได้ เทคโนโลยี OCR ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1920 และในปัจจุบันมีการนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อช่วยในกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสารจำนวนมาก
ตัวอย่างของการใช้งาน OCR ที่เห็นได้ชัดคือการแปลงเอกสารกระดาษให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัล เพื่อลดพื้นที่จัดเก็บและช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ OCR ยังช่วยในการแปลงเอกสารที่พิมพ์ไว้ก่อนหน้าให้สามารถทำการแก้ไขเพิ่มเติมในคอมพิวเตอร์ได้
1.1 หลักการทำงานของ OCR
กระบวนการทำงานของ OCR แบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนหลัก ได้แก่:
- การแปลงภาพ: OCR จะเริ่มต้นด้วยการนำภาพที่ต้องการแปลงมาเป็นข้อมูลเบื้องต้น อาจเป็นไฟล์ภาพแบบ JPEG, PNG, หรือ PDF
- การประมวลผลภาพ: ระบบจะทำการปรับปรุงคุณภาพของภาพให้เหมาะสมต่อการประมวลผล เช่น การปรับคอนทราสต์, การลบเงา, และการปรับความคมชัด
- การแยกข้อความ: ขั้นตอนนี้ OCR จะทำการแยกส่วนข้อความที่อยู่ในภาพ โดยการวิเคราะห์ความแตกต่างของเส้นและรูปทรงต่างๆ
- การรู้จำตัวอักษร: OCR จะนำข้อมูลที่แยกมาแล้วเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบกับรูปแบบตัวอักษรในฐานข้อมูล และทำการแปลงให้เป็นข้อความดิจิทัล
2. การประยุกต์ใช้ OCR ในงานต่างๆ
เทคโนโลยี OCR ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมและสถานการณ์เพื่อลดขั้นตอนในการป้อนข้อมูลด้วยมือและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ดังนี้
2.1 การจัดการเอกสารในสำนักงาน
OCR ช่วยให้สำนักงานสามารถแปลงเอกสารที่เป็นกระดาษ เช่น สัญญา, ใบเสร็จ, ใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารสำคัญอื่นๆ ให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัล ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บ ค้นหา และแชร์ข้อมูลระหว่างแผนก นอกจากนี้ยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูลแบบเดิมด้วยมืออีกด้วย
2.2 การจัดการข้อมูลทางการเงิน
ในงานด้านการเงิน OCR มีบทบาทสำคัญในการแปลงข้อมูลจากใบเสร็จ, ใบแจ้งหนี้, และใบกำกับภาษีที่เป็นกระดาษให้เป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อจัดเก็บในระบบบัญชีอัตโนมัติ ทำให้สามารถลดเวลาในการจัดการเอกสารทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2.3 อุตสาหกรรมการแพทย์
ในภาคการแพทย์ OCR ช่วยแปลงข้อมูลจากเอกสารที่ใช้ในโรงพยาบาล เช่น รายงานการรักษา, ใบสั่งยา หรือบันทึกประวัติผู้ป่วย ให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัลเพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยหรือในการวิจัยทางการแพทย์ ช่วยให้การจัดการข้อมูลผู้ป่วยทำได้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
2.4 ระบบความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน
OCR ยังมีบทบาทในกระบวนการตรวจสอบและยืนยันตัวตน โดยเฉพาะการสแกนและแปลงข้อมูลจากบัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง, หรือใบขับขี่ให้เป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อใช้ในการตรวจสอบหรือประมวลผลในระบบฐานข้อมูล
2.5 การประยุกต์ใน AI และ Machine Learning
OCR สามารถนำมาใช้ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning เพื่อตรวจสอบและประมวลผลข้อมูลจากแหล่งข้อมูลจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น การใช้ OCR ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารทางกฎหมายหรือเอกสารทางธุรกิจ และนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในการฝึก AI ให้มีความสามารถในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น
3. ข้อดีและข้อจำกัดของ OCR

3.1 ข้อดีของ OCR
- ลดการป้อนข้อมูลด้วยมือ: OCR ช่วยลดการป้อนข้อมูลด้วยมือ ซึ่งทำให้ลดเวลาและลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากมนุษย์
- เพิ่มความสะดวกในการค้นหาและจัดเก็บ: ข้อความที่แปลงจากภาพสามารถค้นหาได้ด้วยคำสำคัญ ช่วยให้การจัดเก็บและค้นหาข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็ว
- ลดพื้นที่จัดเก็บ: การแปลงเอกสารกระดาษให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัลช่วยลดการใช้พื้นที่จัดเก็บเอกสาร และยังสามารถทำการสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันการสูญหายได้ง่ายขึ้น
3.2 ข้อจำกัดของ OCR
- ความถูกต้อง: แม้ว่า OCR จะมีความสามารถในการแปลงข้อความได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดในบางกรณี เช่น ข้อความที่มีฟอนต์แปลกๆ หรือข้อความที่มีคุณภาพภาพต่ำ
- ข้อจำกัดในการแปลงภาษาหรือสัญลักษณ์เฉพาะ: OCR อาจไม่สามารถแปลงภาษาเฉพาะหรือสัญลักษณ์บางประเภทได้อย่างถูกต้อง เช่น ภาษาไทยบางคำหรือสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
4. บทสรุป
เทคโนโลยี OCR เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการแปลงเอกสารที่เป็นภาพให้กลายเป็นข้อความดิจิทัล ช่วยลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล ทั้งในด้านการจัดการเอกสาร การเงิน การแพทย์ และการยืนยันตัวตน แม้ว่า OCR จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่การพัฒนาต่อเนื่องของเทคโนโลยีนี้จะทำให้ OCR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ด้านได้มากยิ่งขึ้น